จับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ กลางห้างฯริมหาดพัทยา อายัดของกลางอื้อ!

กรมปกครองร่วมกรมทรัพย์สินทางปัญญา จับร้านค้าละเมิดลิขสิทธิ์ กลางห้างฯริมหาดพัทยา อายัดของกลางจำนวนมาก แจ้งข้อหานำตัวดำเนินคดี พร้อมเชิญผู้ดูแลห้างฯมาทำความเข้าใจ และให้ช่วยสอดส่อง ไม่ให้มีการกระทำผิด …

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 31 ม.ค. นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมด้วยพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง กรมทรัพย์สินทางปัญญา และเจ้าหน้าที่ทหาร หมวดรักษาความสงบเรียบร้อยอำเภอบางละมุง กว่า 50 นาย ร่วมกันเข้าตรวจสอบ จับกุมผู้ประกอบการ หรือร้านค้า ลักลอบจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา บริเวณริมชายหาดพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

นายรณรงค์ เปิดเผยว่า การเข้าจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจาก กลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ได้จัดอันดับสถานการณ์การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยไว้ในบัญชีกลุ่มประเทศที่ไม่ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเพียงพอ และมีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในระดับสูง จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับการร้องเรียน เพื่อจะออกตักเตือนหรือเอาผิดผู้ประกอบการที่เข้าข่ายการกระทำการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

นายรณรงค์ เปิดเผยต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณริมชายหาดพัทยา พบห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ภายในมีการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์หลายรายการ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแบรนด์เนมต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงจับกุมผู้ดูแลร้าน พร้อมอายัดของกลางไว้ทั้งหมดก่อนจะเชิญผู้ดูแลห้างดังกล่าวมาชี้แจงทำความเข้าใจและขอความร่วมมือให้ช่วยกันสอดส่องดูแล หรือไม่ปล่อยให้มีการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าตรวจสอบบริเวณ “Walking Street” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองพัทยา พบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เช่นกัน จึงดำเนินการตามขั้นตอนทันที

นายรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการพูดคุยกับผู้ค้าส่วนใหญ่พบว่าเป็นชาวต่างด้าว ซึ่งถือเป็นการแย่งอาชีพคนไทยและทำลายตลาดสินค้าไทย รวมทั้งเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย จึงอยากขอความร่วมมือผู้ประกอบการทุกคนให้ความสนใจและไม่นำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “จำหน่าย เสนอจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลที่ได้จดทะเบียนในราชอาณาจักร” โดยมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(ข่าวจาก : ไทยรัฐ | ภาพจาก : เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม)